
นายสุพรรณ มงคลสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที–เค–ส–บริษัท เทคโนโลยี จำกัด –สาธารณะ– หรือ ทีเคเอส บริษัทรับเหมาพิมพ์ระบบรักษาความปลอดภัยรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,059.3 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่สามารถสร้างกำไรสุทธิรวม 187.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 612.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บริษัทแม่มีกำไรสุทธิ 174.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.9 ล้านบาท หรือ 856.6% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 146.9 ล้านบาท และการรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุนใน PTECH ลดลง 128.8 ล้านบาท ขณะที่เงินปันผลรับจากเงินลงทุน 45.9 ล้านบาท
แม้ว่ารายได้จากโครงการพิเศษในแผนกการพิมพ์ชะลอตัวในส่วนบรรจุภัณฑ์และฉลาก แต่ TKS ยังคงสร้างการเติบโตในแผนกเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม นี่คือกลุ่มบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง โดยยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 35.6% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.31 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ในด้านผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2568 TKS มีรายได้จากการขายและการบริการ 350 ล้านบาท แม้จะลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็เติบโต 6.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจการพิมพ์ระบบรักษาความปลอดภัย ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 36% ด้วยการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการขยายกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจำนวน 76.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 83.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส โดยเฉพาะผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ PCL ซินเน็ค (ประเทศไทย) หนึ่งในสมาชิกหลักของ Tech Ecosystem มีส่วนช่วยให้มีกำไรสุทธิ 88.2 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทแม่อยู่ที่ 86.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 621.7% เมื่อเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาส
สำหรับการพัฒนาผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของปี คาดว่าจะเติบโตได้ดี จากการปรับแผนและปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเป็น “ผู้สร้าง Tech Ecosystem” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ปัจจุบัน TKS มุ่งเน้นการขยายกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการพิมพ์และคลังสินค้า (Image & Security Fulfillment) ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล (Platform Solutions) ธุรกิจจำหน่ายไอทีและระบบสารสนเทศ (IT & Digital Ecosystem) และลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ (Tech Investment) กลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง
รวมถึงการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยทั่วไป เพื่อรักษาฐานธุรกิจที่มีอยู่และหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ เรามั่นใจว่าเราจะได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเดินหน้าเป้าหมายการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 30-35%
“เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาจากบริษัทสำนักพิมพ์ไปสู่การสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและยั่งยืนผ่านการลงทุน เทคโนโลยี และความร่วมมือที่มีคุณภาพ การยกระดับศักยภาพของลูกค้า เราพร้อมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรและเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมๆ กัน โดยตระหนักถึงการดำเนินงานของเราด้วยหลักธรรมาภิบาลและความยั่งยืน รวมถึงการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27701:2019, ตำแหน่ง SET ESG Ratings Level A, รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว, “โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ”, “ISB ผู้นำ” และรางวัลสำหรับ” ESG และ CSR จากสถาบันต่างๆ” นายสุพรรณ กล่าวปิดท้าย